วันพุธที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2561

ช้อปปิ้งสุดหรู ที่ปารีสเมืองแฟชั่น

ช้อปปิ้งสุดหรู ที่ปารีสเมืองแฟชั่น

เมืองที่เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวาอย่างปารีส ผสานความทันสมัยของแฟชั่น และไลฟ์สไตล์อันโดดเด่นมีเอกลักษณ์ ซึ่งสะท้อนรสนิยมและความละเมียดละไมในการใช้ชีวิตของชาวปารีสได้เป็นอย่างดี อีกหนึ่งเป้าหมายของการไปเที่ยวปารีส คงหนีไม่พ้นการได้ช้อปปิ้งที่ดินแดนแฟชั่นแห่งนี้ เต็มไปด้วยแบรนด์เนมให้เลือกมากมาย หากใครไม่ใช่นักช้อปตัวยง เพียงแค่แวะไปมองตามร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้าสุดหรู ก็ยังได้แรงบันดาลใจไปเต็มๆ

Galeries Lafayette (ห้างแกลลอรี่ ลาฟาแยตต์)

ห้างสุดหรูแห่งกรุงปารีส เพียงแค่ก้าวเข้ามาก็ต้องตื่นตาตื่นใจกับความยิ่งใหญ่อลังการ พร้อมด้วยการตกแต่งสวยงามสุดคลาสสิค มีโซนต่างๆ ให้เลือกแบบครบวงจร ที่สำคัญ ยังรวมสินค้าแบรนด์เก๋จากดีไซน์เนอร์รุ่นใหม่ของฝรั่งเศส เช่น Avant Premiere , Bloch , Marnoush , Monet , Rica Lewis รวมถึงบูทิคแบรนด์ดังอย่าง Blenciaca , Christian Lacroix , Ralph Lauren , Swarovski และยิ่งไปกว่านั้น ยังมี Tax Refund ด้วยนะ แต่คิวอาจจะยาวหน่อย ยังไงก็ต้องเผื่อเวลาเอาไว้ด้วย เพราะถ้าจะเดินให้หมดก็อาจจะไม่ทั่ว

Galeries Lafayette

Printemps (ห้างแพรงตองค์)

อีกหนึ่งห้างสุดหรูที่อยู่ไม่ไกลจากห้างลาฟาแยตต์ อยู่ติดๆ กันเลย เดินไปอีกไม่กี่ก้าวก็ถึง ห้างสรรพสินค้าแสนสวยชื่อดัง เปิดให้บริการมายาวนานตั้งแต่ปี 1870 ภายในตกแต่งแบบเก๋ๆ เต็มไปด้วยสินค้าทันสมัย โดยเฉพาะเสื้อผ้าแฟชั่นชั้นนำ มีแบรนด์ดังระดับโลกมากมายให้เลือกช้อป ไม่ว่าจะเป็น Balenciaga , Chanel , Coach Jean Paul Gaultier , Stella MC Cartney และอื่นๆ อีกเพียบ ถ้าอยากเดินแบบไม่เบียดเสียด คนน้อยกว่า แต่สินค้าพอๆ กัน ก็แนะนำว่ามาที่นี่เลยจะดีกว่า

Printemps

Bon Marche’

ห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ที่มีที่มาที่ไปน่าสนใจ ที่เริ่มต้นมาจากห้องรับแขกเล็กๆ ในบ้านเท่านั้น และด้วยแนวคิดที่ต้องการเติมเต็มความต้องการให้ผู้หญิงได้มากที่สุด ทำให้ได้รับความนิยมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และกลายมาเป็นห้างใหญ่สุดหรูมาจนถึงทุกวันนี้ ด้วยการตกแต่งที่เรียบง่ายดูสบายตา ยิ่งทำให้ห้างนี้ดูทันสมัยตลอดเวลา   เราจะพบสินค้าคุณภาพมากมายหลายชนิด อาทิ เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ เครื่องสำอาง มีทั้งแบรนด์สากล และแบรนด์ดังจากฝรั่งเศส แถมราคายังไม่แพงเกินกว่าจะควักกระเป๋าจ่าย ทั้งยังมีซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ขายอาหารคุณภาพจากทั่วทุกมุมของฝรั่งเศส และจากทั่วทุกมุมโลก ใครเน้นช้อปปิ้งเบาๆ ที่นี่เป็นตัวเลือกที่ดีเลยล่ะ

ฝรั่งเศส

CHAMPS ELYSEES (ถนนชองป์เอลิเซ่)

ใครว่าความหรูหราจะมีแต่เพียงในห้าง Street Shopping ที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ นั่นก็คือ ถนนชองป์เอลิเซ่ ถนนสายยาวที่สวยที่สุดในปารีส สองข้างทางมีต้นเชสต์นัตที่ได้รับการตกแต่งอย่างงดงามและปลูกเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ เป็นเอกลักษณ์ของถนนสายนี้เลยก็ว่าได้ มียี่ห้อแบรนด์ดังให้ช้อปปิ้งกันตลอดสาย อย่างเช่น Chanel, Valentino, Cartier และอื่นๆ อีกมากมาย เครื่องสำอางก็มีหลายยี่ห้อเป็นร้านแบบ Stand Alone เช่น Mac ก็มาตั้งที่นี่ ถ้าใครมีร้านอยู่ในใจก็ตรงดิ่งไปได้เลย รับรองถูกใจสาวๆ นักช้อปแน่ๆ เดินไปสุดทางเรายังได้เจอกับความยิ่งใหญ่ของประตูชัยฝรั่งเศสอีกด้วย

La Vallee Outlet (ลาวัลเลย์ วิลเลจ เอาท์เลท)

ถ้าในห้างยังไม่เจอของถูกใจ ลองเปลี่ยนไปช้อปปิ้งที่เอาท์เลทดูดีมั้ย ที่นี่เป็นแหล่งรวมแบรนด์ดังกว่า 80 แบรนด์ทั่วโลก และที่สำคัญ ราคาถูกกว่าซื้อตามช้อปทั่วไปอีกนะ ซึ่งจะลดเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นช่วงเซลล์ก็ลดมากหน่อย ตั้งแต่ 30-60% ที่ราคาถูกกว่าก็เพราะว่าอาจจะไม่ใช่ collection ใหม่ล่าสุด ถ้าไม่ติดใจตรงนี้ ยอมหลุดเทรนด์ไปสักนิดหน่อยก็ถือว่าคุ้มนะ เป็นมือหนึ่งราคาถูกกว่า ดีกว่าไปตามซื้อมือสองของคนอื่นเป็นไหนๆ

วันอาทิตย์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2561

อาการสะอึกเกิดจากอะไร?

 สะอึก ที่เกิดขึ้นตามปกตินั้น สาเหตุเป็นเพราะกระเพาะอาหารเกิดการระคายเคือง จึงกระตุ้นให้เส้นประสาทในบริเวณนี้ทำงานผิดปกติ ทำให้กล้ามเนื้อกะบังลมมีการหดเกร็งตัวเป็นจังหวะๆ และกล้ามเนื้อซี่โครงได้รับผลกระทบให้เกิดการหดเกร็งตัวในลักษณะเดียวกัน แต่สาเหตุก็ไม่จำเป็นต้องเกิดจากการระคายเคืองที่กระเพาะอาหารเสมอไป บางครั้งก็อาจก่อตัวที่ ศูนย์การ สะอึก ที่อยู่ในสมองที่บังคับควบคุมให้เกิดการเคลื่อนไหวผิดปกติของกะบังลมจนเกิดเป็นอาการ สะอึก
158414061
โดยมากแล้วอาการ สะอึก มักเกิดขึ้นไม่นานจะเป็นเพียงแค่ 2-3 นาทีแล้วก็จะหายเป็นปกติ แต่ถ้า สะอึก เป็นเวลานาน เช่น สะอึก เป็นชั่วโมงหรือครึ่งค่อนวัน และยิ่งถ้าหากมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงหรือถ่ายเป็นเลือดร่วมอยู่ด้วย ควรที่จะรีบไปปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุต่อไป
ส่วนสาเหตุของการ สะอึก ที่ไม่ปกตินั้น อาจจะเกิดจากโรคอื่นๆ เช่น กระเพาะลำไส้อุดตัน ลำไส้โป่งพอง เยื่อบุช่องท้องอักเสบ หรือการกลืนอาหารอย่างรีบร้อน อาหารติดคอ ปอดอักเสบ
สำหรับวิธีการแก้โรค สะอึก นั้นวิธีง่ายๆ ก็คือ กลั้นลมหายใจไว้โดยนับ 1-10 แล้วค่อยหายใจออก จากนั้นก็ดื่มน้ำตามทันที เขี่ยภายในรูจมูกให้จาม ให้พยายามกลืนน้ำตาลประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ โดยไม่ต้องใช้น้ำ หรือทำให้เกิดการโกรธ ตื่นเต้นหรือกลัว ก็จะสามารถช่วยได้
แต่ถ้าหากว่าทำตามวิธีข้างต้นแล้วยังไม่หาย ควรที่จะต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุโรคอย่างอื่นร่วมด้วย อย่าคิดว่า สะอึก แค่นิดเดียวแล้วไม่มีอันตรายนะ

Sherlock Holmes

ความเป็นมา

SH2
เชอร์ล็อก โฮล์มส์ (Sherlock Holmes) เป็นนวนิยายสืบสวนหรือรหัสคดี ประพันธ์โดยเซอร์อาเธอร์ โคนัน ดอยล์ นักเขียนและนายแพทย์ชาวสก๊อต ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 ตัวละคร เชอร์ล็อก โฮล์มส์ เป็นนักสืบ ชาวลอนดอน ผู้ปราดเปรื่องที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้านทักษะการประมวลเหตุและผล ทักษะด้านนิติวิทยาศาสตร์ โดยอาศัยหลักฐานและการสังเกตอันคาดไม่ถึงเพื่อคลี่คลายคดีต่างๆ โคนัน ดอยล์ แต่งเรื่องเชอร์ล็อก โฮล์มส์ ไว้ทั้งสิ้นเป็นเรื่องยาว 4 เรื่อง และเรื่องสั้น 56 เรื่อง เกือบทุกเรื่องเป็นการบรรยายโดยเพื่อนคู่หูของโฮล์มส์ คือ ดร. จอห์น เอช. วัตสัน หรือ หมอวัตสัน
บุคลิกของเชอร์ล็อก โฮล์มส์
เชอร์ล็อก โฮล์มส์ มีชื่อเต็มว่า วิลเลียม เชอร์ล็อก สก๊อต โฮล์มส์ เป็นชาวอังกฤษ เกิดเมื่อวันที่ 6 มกราคม ค.ศ. 1854 มีนิสัยรักสันโดษ แต่ก็ยังไม่สันโดษเท่าพี่ชาย คือ ไมครอฟต์ โฮล์มส์ ที่คอยช่วยเหลือเขาในบางคดี โฮล์มส์มีรูปร่างสูง ผอม จมูกโด่งเป็นสันเหมือนเหยี่ยว มีความรู้รอบตัวในหลาย ๆ ด้านทั้ง เคมี ฟิสิกส์ และความรู้เกี่ยวกับพืชมีพิษตระกูลต่าง ๆ แต่เขาไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับดาราศาสตร์เลย และเขายังเก่งเรื่องเล่นไวโอลิน

ไมครอฟต์ โฮล์มส์
นิสัยและความสามารถ
โฮล์มส์มีอารมณ์แปลก ๆ บางครั้งก็เศร้าซึม พูดน้อย บางครั้งก็ร่าเริง หมอวัตสัน เพื่อนคู่หูของเชอร์ล็อก โฮล์มส์ ได้บรรยายถึงลักษณะต่าง ๆ ของโฮล์มส์เอาไว้ในบันทึกคดีคราวต่าง ๆ กัน เช่น ในเวลาที่กำลังครุ่นคิดเรื่องคดี โฮล์มส์จะไม่ทานข้าวเช้า โฮล์มส์ชอบทำการทดลองเคมี แล้วทิ้งข้าวของในห้องกระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบ โฮล์มส์สูบไปป์จัดมาก มักกลั่นแกล้งตำรวจโดยการให้ข้อมูลปลอมหรือปกปิดหลักฐานบางอย่าง แต่ก็มีความเป็นสุภาพบุรุษและให้เกียรติแก่สตรีอย่างสูง แต่นิสัยที่หมอวัตสันเห็นว่าเลวร้ายและยอมรับไม่ได้เลย คือ การที่โฮล์มส์ชอบเสพโคเคนกับมอร์ฟีน ซึ่งวัตสันเห็นว่าเป็นความชั่วประการเดียวของโฮล์มส์
โฮล์มส์ยังเป็นนักแสดงที่เก่งกาจ ดังปรากฏในตอน ซ้อนกล (the Dying Detective) และ จดหมายนัดพบ (the Reigate Squires) และตอนอื่น ๆ อีกหลายตอน เพื่อหันเหความสนใจของผู้ต้องสงสัย มิให้ตระหนักถึงความสำคัญของหลักฐานบางอย่าง ในตอน สัญญานาวี (the Naval Treaty) โฮล์มส์ได้แสดงให้เห็นว่าเขาชื่นชมนักอาชญวิทยาชาวฝรั่งเศส อัลฟองเซ เบอทิลลอง ผู้คิดค้นทฤษฎีการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเพื่อช่วยระบุตัวตนของอาชญากร นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นว่า โฮล์มส์เป็นนักอ่าน นักศึกษา มีความรู้ด้านอาชญวิทยาอย่างกว้างขวาง และให้ความนิยมนับถือบรรดานักสืบผู้ชำนาญเป็นอย่างมาก

โฮล์มส์ (ขวา) วัตสัน (ซ้าย)
แม้โฮล์มส์จะชอบกลั่นแกล้งตำรวจ แต่เขาก็เป็นมิตรที่ดีของสก๊อตแลนด์ยาร์ดโดยเฉพาะสารวัตรเลสเตรด และมักยกความดีความชอบในคดีให้แก่ฝ่ายตำรวจอยู่เสมอ ในตอน สัญญานาวี โฮล์มส์เคยบอกว่า ในบรรดาคดีที่เขาสะสาง 53 คดี เขายกความสำเร็จให้เพื่อนตำรวจไปเสีย 49 คดี คงมีแต่เพียงหมอวัตสันที่บรรยายถึงความสามารถของเขาผ่านทางบันทึกเท่านั้น
โฮล์มส์มีความสามารถในการวิเคราะห์หลักฐานทางกายภาพอย่างถูกต้องแม่นยำ กระบวนการตรวจสอบหลักฐานของเขามีหลายกรรมวิธี เช่น การเก็บรอยรองเท้า รอยเท้าสัตว์ หรือรอยล้อรถจักรยาน เพื่อวิเคราะห์การกระทำใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างการเกิดอาชญากรรม หรือการวิเคราะห์ประเภทของยาสูบเพื่อระบุตัวตนของอาชญากร โฮล์มส์เคยตรวจสอบร่องรอยผงดินปืน และเปรียบเทียบกระสุนที่พบในที่เกิดเหตุ ทำให้แยกแยะได้ว่าฆาตกรมีสองคน  นอกจากนี้ โฮล์มส์ยังเป็นคนแรก ๆ ที่มีแนวคิดในการตรวจสอบลายนิ้วมืออีกด้วย
โฮล์มส์มีศัตรูตัวฉกาจ ชื่อ ศาสตราจารย์เจมส์ มอริอาร์ตี้ ผู้มีมันสมองปราดเปรื่องในด้านอาชญากรรม อีกทั้งยังเป็นตัวการเบื้องหลังในบางคดีที่เกิดขึ้นอีกด้วย คำพูดของโฮล์มส์ที่ติดปากกันดี คือ “ถ้าเราตัดสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ทั้งหมดออกไป สิ่งที่เหลืออยู่ ไม่ว่ามันจะดูเหลือเชื่อเพียงใด แต่มันก็เป็นความจริง”
ถิ่นที่อยู่อาศัย
ตามท้องเรื่อง โฮล์มส์และหมอวัตสันรู้จักกันครั้งแรก เนื่องจากต่างต้องการหาผู้ร่วมเช่าห้องพักอยู่ด้วยกันในกรุงลอนดอนเพื่อลดค่าใช้จ่าย ห้องพักที่ทั้งสองเช่าเป็นบ้านของมิสซิสฮัดสัน ตั้งอยู่ที่ บ้านเลขที่ 221 บี ถนนเบเกอร์ โดยพวกเขาเช่าพื้นที่ชั้นสองของบ้าน ส่วนมิสซิสฮัดสันอาศัยอยู่ชั้นล่าง และทำหน้าที่จัดเตรียมอาหารเช้าให้พวกเขาด้วย หมอวัตสันเคยย้ายออกจากบ้านเช่านี้ไปเมื่อคราวแต่งงาน ทว่าหลังจากภรรยาเสียชีวิต หมอวัตสันก็ย้ายกลับมาอยู่กับเชอร์ล็อก โฮล์มส์อีก
39632_original
ห้องเช่า 221B
กับ ดร.วัตสัน
โฮล์มส์ใช้ช่วงชีวิตการงานส่วนใหญ่ของตนอยู่กับ ดร.วัตสัน ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทและผู้จดบันทึกชีวประวัติของเขา ดร.วัตสันพักอยู่กับโฮล์มส์ก่อนจะแต่งงานในปี ค.ศ. 1887 และหลังจากที่ภรรยาของเขาเสียชีวิตก็กลับมาอยู่กับโฮล์มส์อีก เจ้าของห้องพักที่พวกเขาเช่าอยู่คือมิสซิสฮัดสัน
วัตสันมี 2 บทบาทในชีวิตของโฮล์มส์ อย่างแรกคือเป็นผู้ช่วยโฮล์มส์ในการสางคดี ทำหน้าที่คอยดูต้นทาง เป็นนกต่อ เป็นผู้ช่วยและส่งข่าว อย่างที่สอง เขาเป็นผู้บันทึกชีวประวัติของโฮล์มส์ เรื่องราวของโฮล์มส์เขียนขึ้นจากมุมมองของวัตสันในรูปบทสรุปของคดีน่าสนใจต่างๆ ที่โฮล์มส์เคยสางมา โฮล์มส์มักบ่นว่างานเขียนของวัตสันนั้นเร้าอารมณ์มากเกินไป และมักบอกให้วัตสันบันทึกแต่ข้อเท็จจริงกับรายงานทางวิทยาศาสตร์เพียงอย่างเดียว
ถึงกระนั้น โฮล์มส์ถือว่ามิตรภาพกับวัตสันมีความสำคัญสูงยิ่ง มีบรรยายในนิยายหลายเรื่องถึงความชื่นชมที่โฮล์มส์มีต่อวัตสัน ซึ่งมักถูกปิดบังเอาไว้ภายใต้ความเย็นชาของเขา เช่นในเรื่อง พินัยกรรมประหลาด วัตสันได้รับบาดเจ็บจากการเผชิญหน้ากับโจร แม้กระสุนปืนนั้นจะเพียงแค่ถากไปก็ตาม โดยรวมแล้วโฮล์มส์ประกอบอาชีพนักสืบอยู่ 23 ปี โดยมี ดร.วัตสันร่วมอยู่ในชีวิตการงานของเขา 17 ปี
WS
ดร.วัตสัน

วันอาทิตย์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2561

ร.ศ. 112

มีบันทึกไว้ว่าพุทธศักราช 2436 ..เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (พระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5)
ทรงมีพระชนม์ได้ 40 พรรษา ทรงประชวรหนักถึง 2 ครั้ง..สาเหตุการประชวรทั้ง 2 ครั้ง  ก็เนื่องจากทรงกังวลและ
ตรอมพระทัย เพราะการรุกรานของประเทศฝรั่งเศส จนไทยต้องสูญเสียดินแดนไปมาก...ทรงเสียพระทัยและทรง
ห่วงว่า จะทรงเป็นพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรี ที่ไม่สามารถรักษาบ้านเมืองให้พ้นจากภัยอันตรายได้
 
ในปีนั้นวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2436 ฝรั่งเศสส่งเรือรบ 2 ลำ คือ เรือแองคองสตังค์ เรือปืนโคเมท์และเรือนำร่องเยเบเซ อีก 1 ลำ มาถึงสันดอนปากแม่น้ำเจ้าพระยา ฝ่ายไทยก็พยายามต่อสู้โดยยิงปืนจากป้อมพระจุลจอมเกล้า และส่งเรือรบหลายลำติดตามแต่สู้ไม่ได้ ทหารตายไป 7 นาย บาดเจ็บอีก 40 นาย ตกน้ำสูญหายไปอีก 1 นาย และเรียกเหตุการณ์ในครั้งนั้นว่าวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112  (พ.ศ. 2436)
ในวันที่ 13 กรกฏาคม ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436) เรือรบฝรั่งเศสก็ได้ชัยชนะ รุกผ่านเข้าปากแม่น้ำเจ้าพระยาและไปเทียบท่าอยู่หน้าสถานทูตฝรั่งเศสในกรุงเทพฯ ได้สำเร็จ  และได้หันปืนใหญ่น้อยบนเรือทั้งหมดเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง โดยฝรั่งเศสได้ยื่นคำขาดแก่รัฐบาลไทย มีอยู่ข้อหนึ่งที่ไทยต้องจ่ายเงิน 3 ล้านฟรังก์ โดยชำระเป็นเงินเหรียญทันทีเป็นการชดใช้ค่าเสียหายต่างๆ โดยกำหนดภายใน 48 ชั่วโมง มิฉะนั้นกองทัพเรือฝรั่งเศสจะปิดอ่าวไทยทันที และสั่งทูตฝรั่งเศสออกจากไทย โดยไทยอาจตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสได้ และผลของวิกฤตการณ์ในครั้งนั้น ทำให้ฝ่ายไทยจำต้องยอมยกดินแดนลาวฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงให้แก่ฝรั่งเศส นับเป็นการขยาย

อิทธิพลครั้งสำคัญครั้งหนึ่งของฝรั่งเศสในภูมิภาคอินโดจีน และจะนำไปสู่การสูญเสียดินแดนประเทศราชของไทยในเขมรและลาวที่เหลืออยู่ในเวลาต่อมาอีกด้วย ในต้นรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (พระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5) นั้น ไทยมีอาณาเขตกว่า 1 ล้านตารางกิโลเมตร ต้องยกดินแดน ให้กับฝรั่งเศส
รวมเนื้อที่กว่า 467,000 ตารางกิโลเมตร ดังลำดับการเสียดินแดนถึง 5 ครั้ง ให้กับฝรั่งเศส ดังนี้
1. เสียแผ่นดินเขมร 124,000 ตารางกิโลเมตร
2. เสียสิบสองจุไทย 87,000 ตารางกิโลเมตร
3. เสียดินแดนฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง 143,000 ตารางกิโลเมตร
4. เสียดินแดนฝั่งขวาของแม่น้ำโขง ตรงข้ามหลวงพระบางและปากเซ 62,000 ตารางกิโลเมตร
5. เสียเสียมราฐ พระตะบอง และศรีโสภณ 51,000 ตารางกิโลเมตร

ปรากฏพระราชนิพนธ์โคลง ทรงมีพระราชปรารภความทุกข์สุขไว้ 7 บท และลงท้ายเป็นคำฉันท์ว่า...ทรงเกรงว่าจะ
เป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ทำให้เสียกรุง ดังความตอนหนึ่งว่า...

เจ็บนานนึกหน่ายนิตย์......มนะเรื่องบำรุงกาย
ส่วนจิตบมีสบาย.............ศิระกลุ้มอุราตรึง
แม้หายก็พลันยาก...........จะลำบากฤทัยพึง
ตริแต่จะถูกรึง.................อุระรัดและอัตรา
กลัวเป็นทวิราช...............บ ตริป้องอยุธยา
เสียเมืองจะนินทา...........จึงจะอุดและเลยสูญฯ

เมื่อทรงพระประชวร และทรงท้อแท้ถึงเพียงนั้น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ จึงได้ทรงนิพนธ์ฉันท์ขึ้นถวาย เพื่อให้ทรงนึกถึงความสำคัญของพระองค์เองที่มีต่อประเทศชาติและชาวไทย ความบางบทว่า 

ถ้าจะว่าบรรดากิจ............ก็ไม่ผิด ณ นิยม
เรือแล่นทะเลลม.............จะเปรียบต่อก็พอกัน
ธรรมดามหาสมุทร...........มีคราวหยุดพายุผัน
มีคราวสลาตัน................ตั้งระลอกกระฉอกฉาน
ผิวพอกำลังเรือ...............ก็แล่นรอดไม้ร้าวราน
หากกรรมจะบันดาล.........ก็คงล่มทุกลำไป
ชาวเรือก็ย่อมรู้................ฉะนี้อยู่ทุกจิตใจ
แต่ลอยอยู่ตราบใด...........ต้องจำแก้ด้วยแรงระดม
แก้รอดตลอดฝั่ง..............จะรอดทั้งจะชื่นชม
เหลือแก้ก็จะจม...............ให้ปรากฏว่าถึงกรรม
ผิดทอดธุระนั่ง.................บ วุ่นวิ่งเยียวยาทำ
ที่สุดก็สูญลำ...................เหมือนที่แก้ไม่หวาดไหว
ผิดกันแต่ถ้าแก้................ให้เต็มแย่จึงจมไป
ใครห่อนประมาทใจ...........ว่าขลาดเขลาและเมาเมิน
เสียทีก็มีชื่อ....................ได้เลื่องลือสรรเสริญ
สงสารว่ากรรมเกิน............กำลังดอกจึงจมสูญฯ

เชื่อกันว่าพระนิพนธ์นี้. ทำให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (พระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5) ทรงเปลี่ยนพระทัยและเริ่มเสวยพระกระยาหารดังเดิม จนทรงหายประชวร และออกว่าราชการดังเดิมได้  


พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (พระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5) เสด็จพระราชดำเนิน
มายังป้อมพระจุลจอมเกล้า








 ป้อมพระจุลจอมเกล้า

 ปืนเสือหมอบ ภายในป้อมพระจุลจอมเกล้า

 แผนที่แสดงอาณาเขตของประเทศไทย...แสดงดินแดนที่สูญเสียไปในยุคล่าอาณานิคม

ประวัติความเป็นมา Human Tower

ที่มา อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ตามประเพณี Muixernga ของAlgemesíในวาเลนเซียประเพณีของคาเทโลเนียในคาเทโลเนียเกิดขึ้นในบอล dels วาเลนเซีย (เชียน...