วันศุกร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2560

My Project (1)

My project

"เค้กช็อกโกแลตไร้แป้ง"

     หลักการและเหตุผล
              สำหรับโครงงานIS เรื่องเค้กช็อกโกแลตไร้แป้งนี้ เกิดจากที่ดิฉันชอบกินเค้กช็อกโกแลตมากๆ แต่คนที่มีน้ำหนักเกิน ไม่สามารถที่จะกินได้เหมือนดิฉัน ฉันจึงไปค้นคว้าหาสูตรทำเค้กช็อคโกแลตแบบที่ไม่ใส่แป้ง  ทั้งคนที่น้ำหนักเกินก็สามารถกินได้ แถมยังได้สัมผัสกับรสช็อคโกแลตแบบเต็มๆคำอีก และสูตรนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบความขมของช็อคโลแลตอีกด้วย
   
     จุดประสงค์
              1.เพื่อให้คนที่น้ำหนักเกินสามารถกินได้เหมือนคนทั่วไป
              2.เพื่อให้คนที่ชอบช็อคโกแลตได้รสชาติที่เข้มขึ้น
              
    ขั้นตอนและวิธีการทำ
1.เริ่มจากเตรียมเตาอบที่อุณหภูมิ 325 องศาฟาเรนไฮต์ จากนั้นนำกระดาษรองอบมาปูลงในพิมพ์ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 8 นิ้ว ห่อพิมพ์ด้านนอกด้วยอะลูมิเนียมฟอยล์ เตรียมไว้
 2.จากนั้นนำไข่มาตีด้วยความเร็วสูงประมาณ 5 นาที พักไว้
FLOURLESS CHOCOLATE CAKE5
3.ต่อไปใส่ดาร์กช็อกโกแลตกับเนยจืดลงในชามทนความร้อน นำไปทำละลายในไมโครเวฟประมาณ 30 วินาที แล้วผสมให้เข้ากัน จากนั้นนำไข่ที่ตีไว้ใส่ลงไปคนให้เข้ากัน

FLOURLESS CHOCOLATE CAKE6

4.นำส่วนผสมเค้กเทใส่ลงในพิมพ์ เกลี่ยหน้าให้เรียบเนียน แล้วจับวางลงไปในหม้อที่มีไซส์ขนาดใหญ่กว่า เทน้ำต้มเดือดลงไปด้านข้างพิมพ์ประมาณ 1/2 ส่วน นำเข้าไปอบที่อุณหภูมิ 140 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 22-25 นาที

FLOURLESS CHOCOLATE CAKE7
5.พอเสร็จแล้วก็นำตัวเค้กออกมาพักไว้ให้เย็น แล้วทำการจัดแต่งให้สวยงามโดยการโรยน้ำตาลไอซิ่งลงไป ตามด้วยราสเบอร์รี่ หรือผลไม้ตามชอบ
FLOURLESS CHOCOLATE CAKE8
FLOURLESS CHOCOLATE CAKE10

 ผลที่คาดว่าจะได้รับ

    1.เพื่อหาใช้หารายได้เพิ่มเติม
    2.เพื่อให้ผู้ที่ควบคุมน้ำหนักได้ใช้ประโยชน์จากโครงงานนี้
    3.ให้ผู้ที่สนใจไม่สิ้นเปลืองงบประมาณ
    4.เพื่อใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์

Cr.http://www.catdumb.com/flourless-chocolate-cake-093/

วันพุธที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2560

ประวัติโคนัน

 ชื่อโคนัน ได้มาจากชื่อของผู้แต่งนิยายเรื่องเชอร์ล็อกโฮล์มส์ คือ เซอร์ อาเธอร์ โคนัน ดอยล์นามสกุลเอโดงาวะนั้น มาจาก เอโดงาวะ รัมโป (Edogawa Rampo) นามปากกาของ "ฮิรัย ทาโร่" ราชานักเขียนนิยายแนวรหัสคดีชื่อดัง ของญี่ปุ่น วันเกิดของ คุโด้ ชินอิจิ คือ 4 พฤษภาคม ค.ศ. 197X ซึ่งคือวันและเดือนเดียวกับโคนัน ดอย คุโรบะ ไคโตะ (จอมโจรคิด) เกิดวันที่ 21 มิถุนายน ค.ศ. 197X (อายุเท่าๆกับชิอิจิ)จอมโจคิด อีกชื่อคือ จอมโจรรหัส1412 โจรคิดคนปัจจุบันนั้น ถือเป็นรุ่นที่ 2 โดยรุ่นที่ 1 ซึ่งเป็นบิดาของคิดเอง จอมโจรคิดเกลียด(กลัว)ปลาที่สุด โคนันปะทะฝีมือ กับจอมโจรคิด ครั้งแรก ในอนิเมทาง TV ตอนที่ 76 ในตอนที่ชื่อว่า โคนัน VS จอมโจรคิด คุโด้ ชินอิจิปะทะฝีมือ กับจอมโจร คิดครั้งแรก ในอนิเมทาง TV ตอนที่219 ในตอนที่ชื่อว่า การพบกันของยอดนักสืบคุโด้ ชินอิจิ VS จอมโจรคิด ผู้ที่ให้เสียงพากย์ของ คุโด้ ชินอิจิ ก็คือ ยามากูชิ คัปเปย์ ส่วนผู้ให้เสียงพากย์จอมโจรคิดก็คือ ยามากูชิ คัปเปย์ (อ้าว) วงTwo-Mix เคยร้องเพลง Truth ซึ่งเป็นเพลงเปิดให้โคนันในช่องตอนที่ 124-142(OP5) ซึ่งจริงๆ มีชื่อเต็มๆ ว่า Truth~ A Great Detective of Love (หวานซะไม่มี)ทาคายาม่า มินามิ ต้องมาพากย์เสียง เป็นตัวเอกในตอนที่ 81-82 ซึ่งมีTwo-Mix เป็นแขกรับเชิญพิเศษในสองตอนนั้น (ชื่อตอนคือ คดีการลักพาตัวนักร้องชื่อยอดนิยม)
อุปกรณ์ต่างๆของโคนัน 
เข็มกลัดนักสืบ                                                     
          ภายในเป็นวิทยุสื่อสารขนาดจิ๋ว ใช้รับ-ส่งเสียงสื่อสารกันได้ ใช้ปุ่มด้านหลังปรับคลื่นก็จะรับสัญญาณได้แล้ว ถ้ากดปุ่มก็จะส่งสัญญาณได้
แว่นตาสะกดรอย (Criminal Locator Glasses) 
                                                   
          แว่นตาที่โคนันใส่อยู่เป็นประจำที่จริงก็คือ เครื่องสะกดรอย ซึ่งช่วยในการติดตามคนร้ายได้ง่ายขึ้น โดยการติด เครื่องส่งสัญญาณไว้ที่คนร้าย แล้วตำแหน่งที่อยู่ของคนร้ายซึ่งถูกติดเครื่องส่งสัญญาณไว้ที่คนร้าย แล้วตำแหน่งที่อยู่ ของคนร้ายซึ่งถูกติดเครื่องส่งสัญญาณไว้จะปรากฏบนเลนส์แว่น ซึ่งเครื่องรับ - ส่งสัญญาณจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบ กันเมื่ออยู่ภายในรัศมี 20 กม. 
นาฬิกายิงยาสลบ (Stun-Gun Wrist-Watch) 
                                                           
            เป็นสิ่งประดิษฐ์ของดร.อากาสะสามารถยิงเข็มยาสลบให้คนสลบได้ โดยหน้าจอจะสามารถยิงแสงอินฟาเรด ล็อคเป้าหมาย ได้ประมาณ 2เมตร จะเคลือบด้วยยาสลบชนิดออกฤทธิ์เฉียบพลัน ยาจะแพร่กระจาย ไปทั่วร่างกายภายในเวลาไม่ถึง 5 วินาที ซึ่งส่วนใหญ่โคนันจะยิงยาสลบกับโมริ โคโกโรเพื่อใช้เเก้ไขคดี 

หูกระต่ายเปลี่ยนเสียง (Voice-Changing Bow-Tie   
                                                                    
             หูกระต่ายสีแดงที่โคนันมักติดคอเสื้ออยู่เสมอเป็นเครื่องมือเปลี่ยนเสียงที่โคนันใช้เป็นประจำ เพราะโคนันไม่ สามารถเปิดเผยตัวเองในการคลี่คลายคดีได้ จึงต้องยืมเสียงของคนอื่นมาพูดอีกทีหนึ่ง เสียงที่โคนันใช้ ในการเเก้ไข คดีบ่อยที่สุด คือ เสียงของโมริ โคโกโร่ (หมายเลข 59) 

สเก็ตบอร์ดติดเทอร์โบ (Solar-Powered Skateboard)
                                                            
            
สามารถใช้งานโดยใช้พลังงานเเสงอาทิตย์ เมื่อกดปุ่มเร่งความเร็ว พลังงานแสงอาทิตย์เมื่อกดปุ่มเร่งความเร็ว พลังงานแสงอาทิตย์จะถูกส่งผ่านแบตเตอร์รี่ไปยังมอเตอร์ ความเร็วสูงสุด คือ 80 กม./ชม. 

สายดึงกางเกงยืดหดได้ (Klasticity Suspenders
                                                  
                 แค่กดปุ่มเดียวก็จะหดกลับมาจากสภาพที่กำลังยืด สามารถใช้งานได้สะดวก เช่น เวลาเกี่ยวของที่หนัก ให้ขึ้นมา 
โดยไม่ต้องใช้เเรงของเรา เป็นต้นรองเท้าเพิ่มพลังเตะ (Power Assisted Kick Shoes)
                                                
                เป็นรองเท้าที่ช่วยเพิ่มพลังเตะได้อย่างมาก เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้าและพลังแม่เหล็กกระตุ้นจุดบนเท้า เพื่อเพิ่มพลัง กล้ามเนื้อให้ถึงขีดสุด

                          นอกจากนี้ยังมีอุปกรอื่นๆอีกมากมายที่โคนันใช้

ประวัติอย่างละเอียดของโดเรม่อน

ประวัติอย่างละเอียด
Doraemon : โดเรม่อน
วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2512 เป็นวันที่เริ่มต้นพิมพ์หนังสือการ์ตูนเรื่อง "Doraemon" ในประเทศญี่ปุ่น โดยจินตนาการของนักเขียนชาวญี่ปุ่นสองคน ที่ใช้นามปากการ่วมกัน ว่า ฟูจิโกะ ฟุจิโอะ โดยตัวการ์ตูนจะเป็นเรื่องราวของหุ่นยนต์ในโลกอนาคต ศตวรรษที่ 22 ซึ่งจินตนาการให้เป็นแมวตัวกลมๆ มีความสามารถพิเศษ และกระเป๋าวิเศษที่บรรจุของมากมาย จุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือเด็กผู้ชาย ที่ขี้แย ไม่เอาไหน คนนึง และสอดแทรกคติธรรมเข้าไป ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก
ชื่อโดราเอมอน มาจากคำว่า...โดราเนโกะ แปลว่า แมวหลงทาง เอมอน เป็นคำเรียกต่อท้ายชื่อของเด็กชายในสมัยก่อน โดราเอมอน เกิดขึ้นโดยความบังเอิญในขณะที่ 2 นักเขียนการ์ตูนชื่อฮิโรชิ ฟูจิโมโต และโมโตโอะ อาบิโกะขณะที่กำลังจินตนาการ สร้างการ์ตูนตัวใหม่ด้วยความลำบาก และกดดัน เนื่องจากเหลือเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงจะถึงกำหนดส่งต้นฉบับ บังเอิญเหลือบเห็นตุ๊กตาของลูกสาว ทำให้นึกต่อไปถึงตุ๊กตา แมว ล้มลุก และกลายเป็นโดราเอมอนในที่สุด
การ์ตูนเรื่องโดเรม่อน มีจุดเด่นในเรื่องของจินตนาการ สิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ในโลกอนาคต ที่ผู้อ่านทั่วไปคาดไม่ถึง จากปลายปากกาของ อ. ทั้งสอง ที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมทั้งสอดแทรกศิลปะวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเข้าไปในตัวการ์ตูน แบ่งลักษณะนิสัยของคนออกมาในแต่คาแร็คเตอร์ได้อย่างลงตัว เหมือนกับนำเอาชีวิตจริงของผู้อ่านเข้าไปเกี่ยวข้องกับการ์ตูนด้วย ดังนั้นการ์ตูนเรื่องนี้จึงเป็นที่นิยม อ่านได้ทุกเพศทุกวัย จนทำให้มีการพิมพ์การ์ตูนเรื่องนี้มากมาย สามารถขายได้ถึง 100 ล้านเล่มใน ญี่ปุ่น และแปลเป็นภาษาต่างๆ ทั่วโลก ถึง 9 ภาษา รวมทั้งภาษาไทยอีกด้วย นอกจากการ์ตูนแล้ว โดเรม่อน ถูกสร้างออกมาเป็นภาพยนต์ทางจอเงิน และจอแก้วมากมายหลายตอน โดยฉายครั้งแรกที่ฮ่องกง เมื่อปี พ.ศ. 2524 และฉายที่ประเทศไทยเราครั้งแรก วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2525
ของวิเศษที่โดเรม่อนใช้บ่อยๆ
คอปเตอร์ไม้ไผ่
คัปเตอร์ไม้ไผ่ ทำจากไม้ไผ่ ชื่อภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า "Take (ไม้ไผ่) Koputa (คัปเตอร์) " เมื่อจะใช้ก็นำไปวางไว้บนหัวจะทำให้สามารถบินได้ เป็นเครื่องมือที่โนบิตะและโดราเอม่อนใช้เกือบทุกตอนเพราะใช้งานง่ายและไม่ค่อยมีอันตราย สามารถบินได้ในระยะทาง 600 กม. และความเร็วประมาณ 80 กม.ต่อชม. เช่นสามารถใช้บินจากโตเกียวถึงโอซาก้าในเวลาประมาณครึ่งชม.
ประตูสารพัดสถานที่
หากเปิดประตูนี้ออกแล้วพูดชื่อว่าจะไปที่ไหนประตูก็จะเปิดออกไปยังสถานที่นั่นทันที ประตูเป็นประตูไม้ในแบบโบราณ เป็นเครื่องมือที่สะดวกสบายที่สุด ของวิเศษชิ้นนี้ถูกใช้บ่อยๆ ทำให้เราได้เห็นสถานที่ต่างๆ ในการ์ตูนได้มากมายหลายที่ ตามจินตนาการ
ไฟฉายย่อส่วน
รูปร่าง และวิธีใช้คล้าย ๆ กับไฟฉายทั่ว ๆ ไป ใช้สำหรับย่อสิ่งของหรือขยายสิ่งของให้ใหญ่หรือเล็กก็ได้ มีประโยชน์มาก และโดเรม่อนก็นำมาใช้บ่อยๆ อีกด้วย
ไทม์แมชชีน
เครื่องทาม์แม็คชีนเป็นพาหนะที่สามารถใช้เดินทางย้อนเวลาไปอดีต หรือ เดินทางข้ามเวลาไปสู่อนาคตได้ โดยทางเข้าและทางออกจะอยู่ในลิ้นชักโต๊ะในห้องนอนของโนบิตะ โดราเอม่อนและเพื่อนๆ สามารถใช้เดินทางไปอนาคตได้ แต่ว่าเครื่องนี้ก็ไปส่งผิดที่ผิดเวลาบ่อย ๆ
ตอนจบ โดเรมอนว่ากันว่ามีสองแบบ
วันหนึ่ง ซึ่งเป็นวันธรรมดาทั่ว ๆ ไป โนบิตะกลับมาจาก โรงเรียน ขึ้นไปยังห้องนอน และพบโดเรมอนกำลังนอน หลับอยู่เหมือนปกติ นี่ ! โดเรมอน ตื่นมาเล่นกันเถอะ แต่โดเรมอนก็ยังหลับอยู่ โนบิตะคิดว่าโดเรมอนคงเหนื่อยมาก จึงปลุกไม่ตื่น ดังนั้นโนบิตะจึงออกไปเล่นกับ ชิซูกะ และ เพื่อนคนอื่น หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงโนบิตะกลับมายังบ้าน แต่โดเรมอนก็ยังหลับอยู่ โนบิตะรู้สึกแปลกใจ และพยายามปลุกโดเรมอนแต่ก็ไม่ปฎิกริยาใด ๆ ทั้งสิ้นจากโดเรมอน โนบิตะเริ่มรู้สึกกลัวและเหนื่อยที่จะปลุกโดเรมอน โนบิตะพยายามทำทุกอย่างแต่โดเรมอนก็ไม่ยอมตื่น โนบิตะรู้แล้วว่า มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปและมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โนบิตะเริ่มร้องไห้โฮแต่โดเรมอนก็ไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว และแล้วโนบิตะก็คิดอะไรขึ้นมาได้ 1 อย่าง และกระโดดเข้าไปในโต๊ะที่มีไทม์แมชชีน และ โนบิตะก็ได้ไปในอนาคตเพื่อที่จะพบโดเรมีน้องสาวของโดเรมอน โนบิตะขอร้องให้โดเรมีช่วยและฝืนใจโดเรมีให้กลับมาในปี 1998 หลังจากที่มาถึง โดเรมีก็ได้เข้าไปตรวจสอบในตัวโดเรมอนว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นไม่กี่นาที โดเรมีก็บอกโนบิตะว่า แบตเตอร์รี่หมดโนบิตะถูกทำให้เชื่อว่าเป็นเช่นนั้นและถามโดเรมีเพื่อความแน่ใจอีกครั้งว่า
แบตเตอรี่หมดหรือ ? อย่างงั้นโดเรมอนก็ไม่เป็นไรสิ ใช่ไหม? ถ้างั้น ช่วยเปลี่ยยแบตเตอร์รี่ใหม่ให้หน่อยทำให้โดเรมอนกลับมามีชีวิตเหมือนเดิม โดเรมีมองมาที่โนบิตะ และสั่นหน้า แล้วพูดว่าฉันควรจะเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ใหม่หรือ โนบิตะจึงถามกลับว่า ทำไมโดเรมีจึงพูดอย่างนั้น โดเรมีจึงตอบ ว่า แบตเตอร์รี่หลักของโดเรมอนอยู่ตรงนี้ ใกล้กับกระเป๋าและก็ถูกใช้หมดแล้ว แต่จริง ๆ แล้วก็ยังมีแบตเตอร์รี่สำรองอยู่ที่หูแต่อย่างทีรู้ ๆ กันอยู่ว่า หูทั้งสองข้างของโดเรมอนถูกหนูกินไปเมื่อหลายปีก่อนดังนั้นตอนนี้จึงไม่มีแบตเตอรรี่สำรอง โนบิตะ จึงถามโดเรมี เธอหมายความว่าไงน่ะ ฉันหมายความว่า ถ้าฉันเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ใหม่โดเรมอนจะสูญเสียความจงจำทั้งหมดเกี่ยวกับโนบิตะตลอดกาล แล้วฉันควรจะเปลี่ยนหรือ อะไรนะ โนบิตะปิดตาแล้วก็ร้องไห้ แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาที โนบิตะก็หยุดร้อง และพูดเบา ๆ กับโดเรมีว่า ขอบคุณมาก ผมจะจัดการส่วนที่เหลือเอง เธอควรจะกลับไปยังอนาคตได้แล้วโดเรมีไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ก็เข้าไปกอดโนบิตะ แล้วโดเรมีก็ลาโนบิตะกลับบ้าน หลังจากที่โดเรมีกลับไปแล้ว โนบิตะก็อุ้มโดเรมอนไปไว้บนชั้น
---- หลายปีผ่านไป------------
ในปี 2010 โนบิตะโตเป็นผู้ใหญ่ ตั้งแต่วันนั้น โนบิตะก็เปลี่ยนแปลงและเรียนหนังสืออย่างหนัก และก็ไม่เคยร้องไห้อีก และเขาอยู่โดยไม่มีโดเรมอนโนบิตะบอกชิซูกะ และ เพื่อนๆ ทั้งหลายว่า โดเรมอนต้องกลับไปยังอนาคตและไม่สามารถมา พบเพื่อน ๆ ทั้งหลายได้อีกแล้วชิซูกะประทับใจในตัวโนบิตะที่มีความเปลี่ยนแปลง และต่างจากเมื่อ 10 ปีก่อนอย่างสิ้นเชิงและทั้งสองก็รักกัน แล้วแต่งงานกัน โนบิตะเป็นนักวิทยาศาสตร์และทำห้องของเขาเป็นห้องทดลอง และเขาก็ได้ตั้งใจทำงานอย่างหนักในงานของเขาและห้ามไม่ให้ชิซูกะ เข้ามายังห้องทดลอง และแล้ววันหนึ่งโนบิตะก็เรียกให้ชิซูกะเข้ามายังห้องทดลอง และมันเป็นครั้งแรกที่ชิซูกะเข้ามายังห้องของสามีของเธอในขณะที่เธอเข้ามายังห้อง เธอถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกเธอเห็นโดเรมอนเพื่อนเก่าของเธอที่เคยเล่นด้วยกัน ในตอนที่ยังเป็นเด็กโดเรมอนไม่ขยับ และ เหมือนกับกำลังหลับ ดูนี่! ชิซูกะผมจะเสียบปลั๊กแล้วนะโนบิตะเปิดสวิตช์หลัก บนตัวของโดเรมอน โดเรมอนค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเป็นเป็นช่วงที่ ทำให้เข้าใจได้ว่าใครเป็นผู้ที่คิดค้นโดเรมอนขึ้นมาซึ่งก็คือโนบิตะนั่นเอง เขาเรียนอย่างหนัก เพื่อที่ว่าจะได้พบ และพูดคุย กับโดเรมอนเพื่อนรักของเขา ที่มารู้จักกัน แล้วก็จากไป
โนบิตะเป็นผู้หนื่งที่ได้สร้างโดเรมอนขึ้นมาเขาคิดค้นโปรแกรม และโครงสร้างทั้งหลาย สำหรับหุ่นยนต์โดเรมอน โนบิตะและชิซูกะร้องไห้อย่างเงียบ ๆ โดเรมอนก็ลืมตาขี้น และก็พูดว่า โนบิตะนายทำการบ้านเสร็จแล้วหรือ มันเหมือนกับมี ก้อนเมฆสีขาวก้อนเดิม อยู่บนท้องฟ้าช่างเหมือนกับเวลาแห่งความทรงจำในอดีต ที่พวกเขามีร่วมกัน
ตอนจบของโดเรม่อน แบบที่ 2
ตอนจบของเรื่องที่อาจารย์ ฟูจิโกะ และฟูจิโอะร่างไว้เป็น ตอนจบจริงๆของ โดเรมอนไม่ใช่ โดเรมอน กลับอนาคตหรอก... จริงๆแล้วของ original ที่ อ.ฟุจิโกะ เขียนเป็น story board ไว้ก่อนที่จะอ.จากไป วันหนึ่ง ฉากในโรงพยาบาล โนบิตะตื่นขึ้นมา และเจอพ่อกับแม่และเพื่อนๆ ครบทุกคนยืนอยู่รอบเตียง แล้วโนบิตะก็ถามถึงโดเรมอน ทุกคนกลับปฎิเสธว่า ไม่รู้จักและบอกโนบิตะว่า โนบิตะหลับมานานเป็นปีแล้วเนื่องจากไม่สบาย และโนบิตะก็นึกย้อนถึงเรื่องราวเกี่ยวกับโดเรมอน ทั้งการผจญภัยต่างๆ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพียงความฝันเท่านั้นโดเรมอน เซวาสึ โดเรมี ล้วนเป็น ความฝันของเขาทั้งสิ้น โนบิตะเป็นเด็กที่ไม่แข็งแรง และไม่มีเพื่อนรักที่ จะอยู่ด้วย เขาต้องนอนโรงพยาบาลตลอดเวลาและเขาก็หลับไป ฉากต่อมา เริ่มที่ พ่อแม่และเพื่อนๆของโนบิตะร้องไห้กันอยู่ในงานศพของ โนบิตะ..เขาจากไปก่อนวัยอันควร..และเรื่องราวทุกอย่างก็จบลง ที่โนบิตะฝันถึงโดเรมอนและอนาคตนั้นเป็นเพราะเขารู้ดีว่า เขาจะต้อง ตายในอีกไม่นาน เขาจึงอยากที่จะมีอนาคตมีเพื่อนรัก มีการผจญภัยสนุกสนาน แต่ฝันของเขาก็ไม่มีวันเป็นจริง... ตลอดไป......
ตอนนี้เป็นเพียงตอนที่ยังไม่ตกลงว่าจะออกพิมพ์หรือทำเป็นภาพยนตร์การ์ตูน แต่อย่างใด เพราะคงไม่มีใครอยากให้จบแบบนี้
ประวัติผู้แต่งประวัติย่อของ อ. ฟูจิโกะ ฟุจิโอะ
ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ เป็นนามปากการ่วม ของ อ. ทั้งสองท่านที่เขียนการ์ตูนเรื่องนี้ คือ
  • อ. ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ เกิด 1 ธันวาคม 2476 ณ เมือง ทาคาโอกะ โทยามะ
  • อ. อาบิโกะ โมโตโอะ เกิด 10 มีนาคม 2477 ณ เมือง ไฮโอมิ โทยามะ
อาจารย์ทั้งสอง รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งทั้งสองมีความสนใจในงานเขียนการ์ตูนมาก และได้เขียนการ์ตูนในงานส่งอาจารย์ร่วมกัน จึงกระทั่งถึงชั้นมัธยมศึกษา
ในปีพ.ศ.2495 ท่านทั้งสองได้เปิดตัวหนังสือการ์ตูนเล่มแรกชื่อ "เทนชิโนะ ทามาซัง" สู่สาธารณะชน และเริ่มใช้นามปากกา "ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ"
ในปีพ.ศ.2497 ได้ย้ายไปอยู่ที่กรุงโตเกียว หลังจากนั้น 2 ปี ท่านทั้งสองก็ได้ร่วมกับนักเขียนการ์ตูนท่านอื่น (ฟูจิโอะ อาคัสซูกะ และ ไซโอทาโร่ อีชิโมริ)เปิดบริษัทชื่อ 'ชินแมงกาโตะ' หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่ม ทำการ์ตูนเคลื่อนไหว และ ได้จัดทำ 'สตูดิโอ-ซีโร่'
ในปีพ.ศ.2506 และในปีต่อมา การ์ตูนเรื่อง "โอเบเกะโนะ คิวทาโร่ (ผีน้อยคิวทาโร่)"ที่ใช้นามปากกา "ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ" ก็มีชื่อเสียง และ เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย
ท่านอาจารย์ได้เขียนการ์ตูนอย่างจริงจัง จนในที่สุดก็เป็นที่รู้จักกันไปทั้วโลก และ ได้รับรางวัล หลายรางวัลจากการ์ตูนของแก ตัวอย่างการ์ตูนที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายได้แก่ "นินจาฮาโตริ, ปาแมน, ยูเมโบชิ เดงกะ, มาทาโระกาคูรุ, ศาสตราจารย์กอล์เฟอร์ ซารุ และ โดเรม่มอน
ประมาณสิ้นปีพ.ศ.2530 ท่านอาจารย์ทั้งสองก็ได้แยกตัวอิสระและใช้นามปากกาของตัวเอง โดยอาจารย์อ.อาบิโกะ โมโตโอะ ได้ใช้นามปากกา Fujiko Fujio (A) ส่วนอาจารย์ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ ได้เปลี่ยนมาใช้ Fujiko Fujio(F) และ ภายหลังเปลี่ยนมาใช้ Fujiko F. Fujio
ท่านอาจารย์อ.อาบิโกะ โมโตโอะ ได้เสียชีวิต ในปีพ.ศ.2531
ส่วนท่านอาจารย์ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ ได้เสียชีวิต ในวันที่ 23 กันยายน พ.ศ.2539
เนื้อเพลง โดเรมอนนะ
(เนื้อเพลงภาษาญี่ปุ่น)
คอนนะโคะโตะอิอินะ เดะคิตะระอิอินะ
อันนะยูเมะคอนนะยูเมะ อิพพะอิอะรูเคะโด
มินนะมินนะมินอินะ คะนะเอะเตะคุเระรุ
ฟูชิงินะพกเก็ตโตะดะ คะนะอิเตะคูเระรู
โซราจิยูนิ โทบิตะอินะ
ฮาอิ ทาเคะคอปต้า
อัง อัง อัง ตดเตะโมะดาอิซุคิ โดราเอ..มอนน...
(เนื้อเพลงแปลเป็นภาษาไทย)
เรื่องอย่างนี้ดีจังเลย ถ้าทำได้ละก็ยอดไปเลยนะ
ความฝันเหล่านี้ เหล่านั้น มีตั้งเยอะตั้งแยะแน่ะ
ทุกคนก็เป็นคนดี มาเติมฝันเหล่านั้นให้เต็ม
ด้วยกระเป๋าวิเศษนี้ มาช่วยเติมฝัน
อยากบินได้อย่างอิสระบนท้องฟ้าจังเลยนะ
ไฮ้ { นี่ไง ( เสียงของโดเรม่อน ) } คอปเตอร์ไม้ไผ่
อัง อัง อัง ชอบมากๆ เลยล่ะ โดราเอม่อน
โดเรามอนชุดพิเศษ
>> ไดโนเสาร์ของโนบิตะ
>> บุกดินแดนมหัศจรรย์
>> ตะลุยปราสาทใต้สมุทร
>> ตะลุยแดนปีศาจ
>> สงครามอวกาศ
>> ผจญกองทัพมนุษย์เหล็ก
>> เผชิญอัศวินไดโนเสาร์
>> ตะลุยดาวต่างมิติ
เหตุที่โดเรมอนกลัวหนู
โดเรม่อนเกิดเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2112 ที่โรงงานหุ่นยนต์ มีตัวสีเหลืองแต่แล้ว วันหนึ่งก็ถูกหนูกัดหู ก็เปลี่ยนสีอย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน โดราเอมอนก็กลัวหนูตั้งแต่นั้นมา
ต้นคิด โดเรมอน
วันหนึ่งในปี พ.ศ. 2512 อาจารย์ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ ต้องเขียนการ์ตูนเรื่องใหม่ ดังนั้นท่านจึง ได้ไปปรึกษากับ อาจารย์โมโตโอะ อาบิโกะ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง พอกลับบ้าน อาจารย์ฟูจิโมโตะ ก็ยังคิดไม่ได้ว่าจะเขียนการ์ตูนอะไรดี ตอนนั้น...เนื่องจากใกล้เวลาเที่ยงคืนแล้ว ท่านง่วงและเผลอหลับไป
เช้าวันต่อมา...อาจารย์ฟูจิโมโตะถูกปลุกด้วยแมวที่บ้านและนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้คิดการ์ตูนเรื่องใหม่ อาจารย์รีบวิ่งลงบันไดไปชั้นล่าง แต่ก็สะดุดอะไรบ้างอย่าง อาจารย์ฟูจิโมโตะสะดุดตุ๊กตาของลูกสาวของเขานั่นเอง และนั่นทำให้อาจารย์เกิดไอเดีย โดยนำแมว และ ตุ๊กตา มาผสมกัน
ในที่สุด อาจารย์ฟูจิโมโตะก็คิดออกว่า การ์ตูนเรื่องใหม่ที่จะเขียนเป็น เรื่องอะไร จากนั้นไอเดียเริ่มพุ่งกระฉูด โนบิตะและตัวการ์ตูนอื่นๆก็เริ่มตามมา ในที่สุดโดเรม่อนก็กลายเป็นการ์ตูนยอดฮิตของเด็กๆ



Doraemon : โดเรม่อน
โดเรม่อน หรือโดราเอม่อน เป็นแมวหุ่นยนต์ในโลกอนาคต ยุคศตวรรษที่ 22 เกิดวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2655 มีน้ำหนัก 129.5 กก. ความสูง 129.3 ซม. กระโดดได้สูง 129.3 ซม. และยังวิ่งได้เร็วถึง 129.3 กม. / ชม. ลักษณะตัวอ้วนกลมสีน้ำเงิน ไม่มีใบหู เนื่องจากถูกหนูกิน ไม่มีนิ้วมือ มีกระดิ่งห้อยคอสีเหลือง มีหนวดหกเส้น มีกระเป๋าหน้าสำหรับเก็บของวิเศษ สารพัดอย่างที่สุดยอด อาหารที่ชอบที่สุดคือ แป้งทอด (โดรายากิ) สิ่งที่กลัวที่สุดคือ หนู
Nobita : โนบิตะ
โนบิตะ เป็นตัวละครหลักของเรื่อง เป็นเด็กผู้ชายขี้แยคนนึง เป็นคนไม่เอาถ่าน อ่อนแอ ไม่เคยพึ่งพาตนเอง เรียนหนังสือไม่เก่ง สอบได้ 0 บ่อยๆ มาโรงเรียนสายประจำ ถูกทำโทษบ่อยครั้ง ถือว่าเป็นตัวละครที่แย่มากๆ โนบิตะหลงรักชิซูกะ ซึ่งอยู่ในวัยเดียวกัน มีความหวังที่จะได้แต่งงานด้วยเมื่อเขาโตขึ้น แต่ก็มักจะมีอุปสรรค และมีคู่แข่งหลายคนเนื่องจากชิซูกะ เป็นเด็กน่ารัก และด้วยความอ่อนแอของโนบิตะเอง แต่โนบิตะ ได้เพื่อนรักคือโดเรม่อนคอยช่วยเหลือ ทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น
Shizuka : ชิซูกะ
ชิซูกะ เป็นนางเอกของเรื่อง จัดว่าเป็นตัวละครที่น่ารักมาก เป็นที่หมายปองของเด็กทั่วไป รวมทั้งโนบิตะด้วย ซึ่งเขาหวังจะแต่งงานด้วยในอนาคต ชิซูกะเป็นคนที่ตรงข้ามกับโนบิตะโดยสิ้นเชิง เธอเป็นคนเรียนเก่ง สอบได้คะแนนดีมาก ชอบดนตรี และสิ่งที่ชอบมากที่สุดการได้อาบน้ำ ในอนาคตชิซูกะได้แต่งงานกับโนบิตะจริงๆ แต่โนบิตะในอนาคต เป็นโนบิตะที่เป็นผู้ใหญ่มีความรับผิดชอบ และเป็นคนดีจริงๆ สำหรับชิซูกะ
Zuneo : ซูเนโอะ
ซูเนโอะ เป็นตัวละครที่ถูกออกแบบให้มีลักษณะเจ้าเล่ห์ คล้ายๆ สุนัขจิ้งจอก ปากแหลม ชอบยุให้ไจแอนท์ รังแกโนบิตะ ซูเนโอะเป็นคนที่ชอบคุยโวโอ้อวด เนื่องจากเป็นคนมีฐานะร่ำรวย สิ่งที่เพื่อนๆ อยากได้ เขามีครบทุกอย่าง มักมีของแพงๆ มาอวดเพื่อนๆ มีญาติพี่น้องที่ค่อนข้างฐานะดี มีชื่อเสียง มักจะหาเรื่องแกล้งโนบิตะบ่อยๆ เนื่องจากเขาเองก็หลงรักชิซูกะด้วยเหมือนกัน
Dekizugi : เดคิซูกิ ไจแอน
เดคิซูกิ เป็นตัวละครที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ตรงกันข้ามกับโนบิตะโดยสิ้นเชิง รูปหล่อ เรียนเก่ง ขยัน อุปนิสัยดี เป็นที่หมายปองของเด็กหญิงทั่วไป เดคิซูกิ ชอบมาติวหนังสือให้กับชิซูกะเสมอ ทำให้โนบิตะต้องอิจฉา นอกจากนี้เขายังเป็นนักกีฬาและเป็นที่รักของคนทั่วไปอีกด้วย แต่บทบาทของเขาจะน้อยกว่าโนบิตะมาก
Dorami : โดเรมี
โดเรมี หุ่นยนต์น้องสาวของโดเรม่อน โดเรมีถูกสร้างขึ้นมาทีหลังโดเรม่อน ถือว่าเป็นรุ่นใหม่กว่า ทำให้มีประสิทธิภาพมากกว่าโดเรม่อน โดเรมี จะมีตัวสีเหลือ หูสีแดง มีกระเป๋าเก็บของวิเศษเหมือนโดเรม่อน แต่มีประสิทธิภาพมากกว่า โดเรมีจะอยู่ในโลกอนาคตมากกว่า ไม่ค่อยปรากฏในโลกปัจจุบัน ยกเว้นในกรณีเหตุการณ์คับขัน ที่โดเรม่อนไม่สามารถแก้ไขได้ โดเรมีก็จะมาคอยช่วยเหลือเสมอๆ



อันดับเรื่องเบ็ดเตล็ดของ Doraemon


1.โดเรมอนมีกระเป๋าที่หน้าท้องที่ใส่ของที่มีรวมๆกันอยู่ 10000-100000 ตัน เป็นอย่างน้อย


2.โดเรมอนเคยเกือบตายตายอยู่ 1 ครั้งในเล่มสุดท้ายของภาคที่ ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ(ฟุจิโกะ F ฟูจิโอะ) เขียน และตายในภาคมูฟวี่ ในภาคตลุยอาณาจักรเมฆ



3.โดเรมอนมีของวิเศษอยู่เกือบ 600 ชิ้น
แต่ใช้จริงๆและมากที่สุด 6 ชิ้น
1)คอปเตอร์ไม้ไผ่
2)ประตู ทุกหนทุกแห่ง
3)ไทม์แมชชีน
4)ปืนลม
5)อุโมงกัลลิเวอร์
6)ไฟฉาย ขยายส่วน

4.โดเรมอนชื่ออเมริกาว่า ดิ๊ง-ด่อง สมัยก่อนบางครั้งไทยเรียกโดเรมอนว่าแมวน้อยจอมยุ่ง หรือแมวจอมกวน
5.เรื่องนี้ถ้าไม่มีโนบิตะ ก็จะไม่มีโดเรมอน

6. ฟูจิโมโตะ ฮิโรชิ ตายในปี 1997 เวลาตีสอง ตั้งใจเขียนตอนจบให้ตายเหมือนกับเขา โดยให้โนบิตะเป็นมะเร็งตายในเล่ม 47(แต่ไม่เคยถูกตีพิมพ์)แต่ว่าการ์ตูนเรื่องนี้มันไม่สอดคล้องกับบ่วงโซ่เวลาที่ดูยังไงก็ไม่สอดคล้องกับกา่รที่โนบิตะจะส่งตัวของโดเรมอนมา ก็เลยไม่ถูกตีพิมพ์

7.ภาคพิเศษมักจะเกิดจากความซุ่มซ่าม ความปากมาก ความซุกซน และความไม่รู้จักพอของโนบิตะ 

8.ภาคพิเศษของโดเรมอนที่มีตัวละครจากซีรีมากที่สุดคือ ตอนตลุยอาณาจักรเมฆ โดยเฉพาะคีโบจากตอน ลาก่อนคีโบ เล่มที่ 33


9.โดเรมอนส่งโดยโนบิตะก็จริง แต่คนที่ส่งจริงๆแล้วคือเซวาชิ


10.ตอนที่ยาวที่สุดในหนังสือการ์ตูนซีรีย์คือตอน ผู้ที่มาจากดาวการาป้าความยาว 50-52 หน้า

11.แต่ตอนตลุยอาณาจักรเวทมนต์เป็นเรื่องบังเอิญที่อยู่ดีๆทุกคนก็ใช้เวทมนต์

12.เพลงเปิดตัวของโดเรมอนได้รับการนำมาแปลและขับร้องในไทย 3 ครั้ง
13.ตัวละครที่ปรากฏมาตัวแรกสุดคือโนบิตะ 



14.ฉันทนา ธาราจันทร์ (น้าติ๋ม) ที่พากษ์เสียงโดเรมอนในปัจจุบันเป็นคนที่ภาคเสียงตั้งแต่สมัยที่โดเรมอนมาไทย   ว่ากันว่าหากขาดตัวเขา เช่นน้าติ้มเป็นไข้ โดเรมอนก็จะเป็นไข้ตาม หากน้าติ้มลากิจ โดเรมอนก็ลากิจตามเลยทีเดียว


15. ประตูทุกหนทุกแห่ีงไม่สามารถไปนรกกับสวรรค์ได้    
     แต่อาณาจักรเมฆเป็นภาคที่ไม่เกี่ยวกับการเดินทางไปของประตูทุกหนทุกแห่ีงเพราะว่าทหารประจำสวรรค์บังเิอิญเจออาณาจักรเถื่อนของพวกโดเรมอนสร้่างขึ้น

16.ภาคตลุยอาณาจักรป่าดงดิบ เป็นภาคที่มีโนบิตะ 2 คนโดยที่ไม่ต้องใช้ของวิเศษของโดเรมอนจำแลงขึ้นมา

17.โนบิตะและผองเพื่อนมักจะเดินทางไปเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์แต่ประวัติศาสตร์ไม่ยักกะเปลี่ยน


18.โนบิตะตั้งใจจะส่งโดเรมอนมาเพื่อให้ตัวเองในอดีตสบาย ดีขึ้น และเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ให้ตัวเองแต่งงานกับชิซูกะ



19.ไจโกะน้องสาวไจแอนมีชื่อจริงที่เด่นกว่านางเอกซะอีกชื่อ 
คริสตินา โกดะ

20.ซูเนโอะมีโคตรเหง้าตระกูลเก่าแก่มากตั้งแต่สมัยฟิวดัล(สมัยยุคซามูไรเรืองอำนาจ)
21.โนบิตะคือคนที่ทำให้โคตรเหง้าตระกูลเก่าแก่ของซูเนโอะมีตัวตนจนถึงทุกวันนี้(ไม่งั้นตระกูลฮาเนกาวะก็ถูกตัดหัวไปตั้งแต่สมัยนั้นแล้วถ้าโนบิตะไม่ช่วย)

22.โดเรมอนและผองเพื่อนมักจะใช้ปืนลมเป็นปืนหลักในการต่อสู้เหล่าร้ายในภาคเดอะมูฟวี่


23.ปืนลมในเรื่องโดเรมอน คือ วิวัฒนาการจากเทคโนโลยีที่มีอยู่จริงอาวุธประหลาดของนาซี เยอรมัน

24.โดเรมี เป็นตัวละคร ที่ผลุบๆโผล่ๆเหมือนขอมดำดิน


25.ชิซูกะมีนิสัยแย่ๆอยู่จุดหนึ่งคือสี ไวโอลินได้ห่วยมาก

26.โนบิตะมักจะกลัวชิซูกะไปรักเดคิสึกิมากที่สุด

27.ซึเนโอะได้รับบทเป็นตัวร้ายอย่างเด่นที่สุด และเท่ที่สุด คือรับบทเป็นซูเนนด้า(ซึ่งถูกอูเนนด้าสิงร่าง)ได้ในภาคของ ตอนตลุยอาณาจักรลม
28.โนบิตะรักยายมากที่สุด


29.พ่อแม่ของโนบิตะรักกันเพราะโนบิตะจัดฉากให้ทั้งคู่แต่งงานกัน

30.ไจแอนกลัวแม่มากที่สุดในโลก(ถึงอ้ายทาเคชิจะเกเรมากก็เถอะ)


31.ไจแอนเป็นตัวอะครเอกที่ปรากฏตัวเป็นคนสุดท้ายในบรรดา(ในบรรดา 5 คนในเรื่องนี้)
32.โนบิตะไม่เคยเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เลย(ยกเว้นเฉพาะ The movie)
33.ต่อจากข้อ
ในไทยมีชื่อเรียกโดราเอมอนอยู่ 3 ชื่อ 1)โดรามอน 2)โดเรมอน 3)โดราเอมอน



34. โดเรมอนมักจะซ่อนกระเป๋าสำรองใว้ที่ไต้เตียง

35. อาจารย์เป็นคนเดียวที่ไม่มีชื่อเรียกนอกจาก "อาจารย์หรือคุณครู"







36.โดเรมอนเป็นหุ่นยนต์แมวเพียงตัวเดียวที่มีความคิดไกล้เคียงกับมนุษย์และไม่มีระเบียบสุดๆ(ออกแนวไม่มีประสิทธิภาพ{แล้วส่งมาดูแลโนบิตะทำไมอ้ายเซวาชิ})


37.โนบิตะชอบการยิงปืนสไตล์คาวบอยแต่บังเอิญเสียงปืนดังไปหน่อยล่อโนบิตะลงไปนอนฟุบ


38.โดเรมอนหนักถึง 1.3 ตันเป็นอย่างน้อยแต่โนบิตะก็ยังอุ้มไหว

น้ำหนัก 129.3 กิโลกรัม


39.โดเรมอนวิ่งเร็วถึง 129.3 กม./ชม.ก็จริง แต่ไจแอนมักจะจับได้ทันตลอด

โดเรมอน สามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 129.3 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

40.โนบิตะมักจะใช้ของดีไปแก้แค้นและก็นำไปใช้ในทางที่เลวตลอด

41. เชื่อหรือไม่ว่าคุณโนบิ(พ่อของโนบิตะ)สูบบุหรี่มาตั้งแต่ ค.ศ.1974-ปัจจุบันแต่ไม่เป็นถุงลมโป่งพอง


42.ตอนที่สั้นที่สุดคือตอนที่แข่งขึ้นไปบนฟ้าและโดดร่มลงมา จำนวน 6-7หน้า 

43.โดเรมอนมีพิพิธภัณฑ์เป็นของตัวเอง


44.ตอนจบของการ์ตูนเรื่องนี้ยังเป็นปริศนาอยู่ และยังถกเถียงกันในวงการนี้ว่าจะให้จบยังไงซึ่งจนถึงทุกวันนี้แล้วมันก็ร่วมหลายสิบปีแล้วว่าตอนจบจะจบยังไง


45.โนบิตะปลอมเป็นผู้หญิง 2 ครั้งในซีรี่ทั้งหมด โดยที่ครั้งที่ ๑
ปลอมเป็นผู้หญิงแล้วไปหาพ่อในสมัยที่พ่อเป็นเด็ก ครั้งที่ ๒ ตอนตลุยอาณาจักรดินแดนสุริยัน 


46.ของวิเศษของโดราเอมอนมีอยู่หลายร้อยชิ้น เผลอๆเกือบ 600 ชิ้น
แต่เกือบทั้งหมดมันดูเหลวไหลในเชิงวิทยาศาสตร์


47.ชุดพากษ์ญี่ปุ่นเปลี่ยนในช่วงปี 200X ในขณะที่เมืองไทยยังไม่ได้  เปลี่ยนทั้งหมด


48.ไฟฉาย ย่อ-ขยายส่วน สามารถฉายให้กลับมาไซส์เดิมเป๊ะๆ(จริงแล้วๆต่อให้เป็นหุ่นยนต์มันยังยิงให้สัดส่วนผิดกันสักเซ็นติเมตรเลย)


49.บ้านเมืองไม่เจริญตามกาลเวลา


50.พวกเขาไม่เคยโต 

ประวัติความเป็นมา Human Tower

ที่มา อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ตามประเพณี Muixernga ของAlgemesíในวาเลนเซียประเพณีของคาเทโลเนียในคาเทโลเนียเกิดขึ้นในบอล dels วาเลนเซีย (เชียน...